'ภูเก็ต-พัทยา' สวนกระแสอสังหา ดีมานด์ทะลักแห่ช็อปบ้านตากอากาศ
Loading

'ภูเก็ต-พัทยา' สวนกระแสอสังหา ดีมานด์ทะลักแห่ช็อปบ้านตากอากาศ

วันที่ : 16 เมษายน 2568
คอลลิเออร์ส เปิดเผยว่า สำหรับเทรนด์ตลาดภูเก็ตในปี 2568 แนวโน้มจะยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่ซัพพลายเปิดขายใหม่อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ 8,000-10,000 ยูนิต เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2566-2567) มีซัพพลายใหม่ทะลักเข้าพื้นที่มากกว่า 20,000 ยูนิต ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง โดยทำเล ยอดนิยมมี 6 ทำเล "บางเทา เชิงทะเล ราไวย์ กะตะ กะรน อำเภอเมืองภูเก็ต"
   ส่องบ้าน-คอนโดฯตากอากาศ "ภูเก็ต-พัทยา" หลุมหลบภัยอสังหาฯ สถิติ Q1/68 ดีมานด์ทะลัก เปิดปุ๊บปิดปับ ยอดเปิดขายใหม่รวม 50 โครงการ 6.1 หมื่นล้านบาท เผยภูเก็ตโดดเด่นพูลวิลล่าตากอากาศ 30-50 ล้าน พัทยาตลาดฟื้นรอบใหม่ คอนโดฯลักเซอรี่-Branded Residence แห่ปักหมุด "แสนสิริ" ฝ่าด่าน อาฟเตอร์ช็อก เปิดขาย PTY สาย 1 สามารถ Sold Out 3,300 ล้านบาท ภายใน 3 ชั่วโมง

  เทศกาลฤดูร้อนของไทยเป็นฤดูการขายบ้านและคอนโดมิเนียมตากอากาศ ในทำเลหัวเมืองท่องเที่ยวหลักโดยเฉพาะเมืองชายทะเลอย่างภูเก็ตกับพัทยา ประเด็นอยู่ที่ปี 2568 มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวปลายไตรมาส 1/68 ต่อเนื่องด้วยภาษีทรัมป์ที่เป็นประเด็นจุดชนวนสงครามการค้าโลกในช่วงต้นไตรมาส 2/68 ซึ่งอาจจะเป็นความบังเอิญเพราะไฮซีซั่นของบ้านตากอากาศชายทะเลมีจุดเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายน และสิ้นสุดที่เดือนมีนาคมของปี

   ส่งสัญญาณว่าบ้าน-คอนโดฯตากอากาศกำลังเข้าสู่ฤดูโลว์ซีซั่นในช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคมของปีอยู่แล้ว ดังนั้น วิกฤตแผ่นดินไหวกับภาษีทรัมป์ผลกระทบจึงถูกลดทอนลงไปจากเหตุผลของการเข้าสู่โลว์ซีซั่น ผลกระทบจึงอาจเบาบางกว่าตลาดในกรุงเทพฯ ที่มีปัจจัยลบรุมเร้ารอบด้าน หากมองแบบเหรียญมีสองด้านจะพบว่า ภูเก็ตและพัทยากำลังกลายเป็นขุมทรัพย์การซื้อและการลงทุนของลูกค้าคนไทยและต่างชาติรอบใหม่

   ผุด 50 โครงการ 6.1 หมื่นล้าน

   นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในช่วงไตรมาส 1/68 บ้านและคอนโดมิเนียมตากอากาศในภูเก็ตและพัทยา มีการลงทุนเปิดขายใหม่ 50 โครงการ มูลค่าเกิน 61,530 ล้านบาท มีโครงการที่พัฒนาโดยบิ๊กแบรนด์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ บางโครงการสามารถปิดการขายโควตาลูกค้าต่างชาติ 49% ภายในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง และมีนักลงทุนลงชื่อให้ความสนใจ (Waiting List) มากกว่า 2,000 รายชื่อ

   และพบว่าภาวะบูมของที่อยู่อาศัยตากอากาศ มีดีเวลอปเปอร์รายใหญ่บางรายสามารถปิดการขายวิลล่าได้มากกว่า 20 ยูนิต ภายในเวลาแค่ 1 เดือน มีหลายรายปิดการขายได้มากกว่า 50-70% ของทั้งโครงการ โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน นับเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนถึงความต้องการสูงจากผู้ซื้อในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ

   คอนโดฯภูเก็ตฮอตยาวถึงปี'69

   เจาะรายละเอียดภูเก็ต ไตรมาส 1/68 ถือว่าเป็นช่วงเวลาพีกที่สุดของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของตลาดในภูเก็ต ได้แก่ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนมองหา ทรัพย์สินที่สามารถใช้พักอาศัยระยะยาว หรือให้เช่าระยะสั้น โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านพักตากอากาศหรือวิลล่า ที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ต้องการที่พักในทำเลท่องเที่ยวระดับโลก

   โดยมีซัพพลายคอนโดฯเปิดขายใหม่ มากถึง 3,167 ยูนิต จากจำนวน 11 โครงการ มูลค่ารวม 25,840 ล้านบาท โดยทำเลท็อป 4 เกาะกลุ่มในทำเลย่านบางเทา เชิงทะเล กะตะ และทำเลใจกลางเมืองภูเก็ต

   "ตลาดที่พักตากอากาศในภูเก็ตจะมีไฮซีซั่นจากลูกค้าต่างชาติชุกชุมในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกปี จากนั้นจะเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น โดยคาดว่ายังมีคอนโดฯรอเปิดขายใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 3,000 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาของดีเวลอปเปอร์รายใหญ่ในตลาด"

   สำหรับเทรนด์ตลาดภูเก็ตในปี 2568 แนวโน้มจะยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่ซัพพลายเปิดขายใหม่อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ 8,000-10,000 ยูนิต เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2566-2567) มีซัพพลายใหม่ทะลักเข้าพื้นที่มากกว่า 20,000 ยูนิต ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง โดยทำเล ยอดนิยมมี 6 ทำเล "บางเทา เชิงทะเล ราไวย์ กะตะ กะรน อำเภอเมืองภูเก็ต"

   โดยความร้อนแรงของตลาดภูเก็ตพบว่า มีบิ๊กเนมรายใหม่จากกรุงเทพฯให้ความสนใจเข้ามาลงทุนคอนโดฯอย่างต่อเนื่องในปี 2568-2569 เพราะสามารถทำยอดขายได้จากการซื้อแบบฟรีโฮลด์ (โอนกรรมสิทธิ์) จากลูกค้าคนไทย และขายแบบลีสโฮลด์ (สิทธิการเช่าระยะยาว) สำหรับลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้ารัสเซียที่มีกำลังซื้อสูงนับตั้งแต่หลังยุคโควิดถึงปัจจุบัน

   บ้านตากอากาศ 30-50 ล้านขายดี

   ส่วนภาพรวมตลาดบ้านพักตากอากาศในภูเก็ต เป็นทำเลที่มีราคาค่อนข้างสูงและได้รับความสนใจมากที่สุดในไทยในขณะนี้ สถิติ ณ สิ้นไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมา มีการเปิดขายใหม่มากถึง 660 ยูนิต จากจำนวน 35 โครงการ มูลค่ารวม 23,320 ล้านบาท เฉลี่ยราคา 35 ล้านบาท/ยูนิต ทำเลบ้านตากอากาศหรือพูลวิลล่ากระจุกอยู่ในย่านเชิงทะเล สัดส่วน 55.90% เพราะมีผลตอบรับ ที่ดีทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้ารัสเซียให้ความชื่นชอบทำเลนี้เป็นอย่างมาก

   โดยทำเลหลักของบ้านตากอากาศ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณตามแนวชายหาด และใกล้แนวชายหาด เรียงลำดับความสนใจซื้อพบว่า อันดับ 1 ในอำเภอถลาง โซนเลาะเลียบตามแนวชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ย่านหาดบางเทา หาดสุรินทร์ หาดลายัน เชิงทะเล, รองลงมา อำเภอเมืองภูเก็ต บริเวณอ่าวฉลอง หาดราไวย์ และอำเภอกะทู้ ที่หาดกมลา หาดป่าตอง

   เทรนด์การพัฒนามีการแข่งขันราคาหลังละ 30-50 ล้านบาท ที่มียอดซื้อสัดส่วนสูงสุด ซึ่งทำเลติดหาดเริ่มหายากขึ้นทุกวัน ทำให้โซนการพัฒนาถอยร่นห่างจากชายหาดมากขึ้น เพราะต้นทุนราคาที่ดินไม่สูง และมีบรรยากาศเงียบสงบเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยแบบเป็นส่วนตัว

   "ตลาดภูเก็ตที่เห็นด้วยตาเปล่าว่ามีความคึกคัก จากข้อมูลที่มีบอกเทรนด์ได้เลยว่ายังพีกกว่านี้ได้อีก เพราะมีผู้ประกอบการรายใหญ่อีกหลายราย โฟกัสความสนใจเข้ามาลงทุนในภูเก็ตอีกจำนวนมาก ทั้งรูปแบบลงทุนเอง และหาพาร์ตเนอร์จากเจ้าตลาดใน พื้นที่"

   แสนสิริจุดพลุ PTY 3 ชั่วโมงหมด

    นายภัทรชัยกล่าวว่า สำหรับตลาดคอนโดฯตากอากาศในพัทยา ณ ไตรมาส 1/68 ตลาดลักเซอรี่ขายดีอย่างไม่น่าเชื่อ มีอัตราการขายค่อนข้างเร็ว ซัพพลายใหม่ แข่งขันเปิดตัว 3 ทำเลหลัก "จอมเทียน วงศ์อมาตย์ ใจกลางเมืองพัทยา" โดยตลาดรวมมีการเปิดขายใหม่ 7 โครงการ รวม 2,386 ยูนิต มูลค่ารวมกัน 12,370 ล้านบาท

    โดยทำเลพัทยาถูกจุดพลุรอบใหม่ จากบิ๊กแบรนด์เมืองกรุง รวมทั้งเจ้าถิ่นชื่อชั้นไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, กลุ่มริเวียร่า กรุ๊ป, บมจ.แสนสิริ และ บมจ.แอสเซทไวส์ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญในตลาดอย่างยาวนาน

    ปรากฏการณ์ล่าสุด เหตุแผ่นดินไหวเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 28 มีนาคม 2568 ถัดมาวันเดียว ค่ายแสนสิริประสบความสำเร็จเปิดขายคอนโดฯแบรนด์เฉพาะกิจ "PTY Residence Sai 1 พัทยา" เมื่อวันที่ 29 มีนาคม สอบผ่านสามารถ ฝ่าด่านอาฟเตอร์ช็อกแผ่นดินไหว ด้วยการ Sold out ภายใน 3 ชั่วโมง ลูกค้าคนไทยและต่างชาติจองซื้อล้นหลาม 3,300 ล้านบาท

   "ต้องยอมรับว่า PTY มีจุดลงตัวทั้งแบรนด์แสนสิริ และทำเลใจกลางพัทยา สาย 1 ซึ่งไม่มีซัพพลายห้องชุดลักเซอรี่ เปิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 15 ปี ซัพพลาย ที่อั้นแต่มีดีมานด์รอซื้อมหาศาล ทำให้ มีเวตติ้งลิสต์เป็นหางว่าวอีก 2,000 รายชื่อ เพราะนักลงทุนมองหาโอกาสลงทุนอสังหาฯนอกกรุงเทพฯ ที่กำลังเกิดภาวะชะลอตัว"

   คอนโดฯหรูรีเทิร์นปักหมุดพัทยา

   ทั้งนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า พ.ศ.นี้ ทำเลหลักของพัทยาอยู่โซนจอมเทียน จากเหตุผลมีอินฟราสตรักเจอร์มอเตอร์เวย์ตัดใหม่จ่อถึงประตูบ้าน เชื่อมการเดินทาง กรุงเทพฯ-พัทยาให้สะดวกสบายมากขึ้น กว่าในอดีต ส่งเสริมให้ในอนาคตมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่ของมูลค่าทรัพย์สิน และการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อ ทุกกลุ่ม

   โดยคอลลิเออร์สฯเปิดผลสำรวจช่วงครึ่งปีแรก 2554-ไตรมาส 1/68 มีซัพพลายคอนโดฯสะสมใน ตลาดพัทยา 118,461 ยูนิต สัดส่วน อันดับ 1 คือ จอมเทียน 39.66% ตามมาด้วย เขาพระตำหนัก สัดส่วน 18.82% และใจกลางเมืองพัทยา 18.70%

   ภาวะร้อนแรงของพัทยา ดูจากตัวเลขซัพพลายอยู่ระหว่างขาย 50,186 ยูนิต ขายได้แล้วสัดส่วน 74.54% จำนวน 37,410 ยูนิต เหลือขาย 12,776 ยูนิต สัดส่วนเหลือขาย 25.45% โดยทำเลใจกลางเมืองพัทยามีอัตราขายสูงที่สุด 87.28% ตามติดด้วยทำเลจอมเทียน 79.49% และทำเลนาจอมเทียน 74.12% โดยคอนโดฯ บีชฟรอนต์ ตั้งอยู่ริม ชายหาดเปิดได้เท่าไหร่ก็แทบจะ ไม่พอขาย เพราะซัพพลายมีจำกัด

   ทั้งนี้ ปี 2568 คาดหมายว่าพัทยาจะมีจุดเปลี่ยนจากการเปิดตัวคอนโดฯ Branded Residence (ห้องชุดพ่วงบริการโรงแรม) โดยดีเวลอปเปอร์รายใหญ่ของตลาด

   "พัทยามีจุดน่าสนใจอยู่ที่การเติบโตมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นชัดเจน ซัพพลายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การขายที่มีประสิทธิภาพสูง โดยหาดจอมเทียน นาจอมเทียน วงศ์อมาตย์ เป็นที่ปักหมุดของคอนโดฯลักเซอรี่ และโครงการ Branded Residence ประเด็นพิจารณาอยู่ที่แอสเสตที่ลงทุนในพัทยามีแนวโน้มราคาเติบโตได้ในระยะยาว"

    นอกจากนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่เขย่าขวัญผู้บริโภคคอนโดฯในกรุงเทพฯ พบว่าไม่มีผลกระทบต่อพัทยา กลายเป็นปัจจัยบวกภาพลักษณ์คอนโดฯในพัทยามีเสถียรภาพ และดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้นเพราะมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าโซนกรุงเทพฯ ที่เริ่ม มีข้อกังวลว่าเป็นโซนแผ่นดินไหวไปแล้วในตอนนี้