“จีน-เมียนมา-รัสเซีย” ติดท็อปทรียอดโอนคอนโดในไตรมาสแรกปี68
วันที่ : 24 พฤษภาคม 2568
REIC เผยยอดโอนคอนโดต่างชาติไตรมาสแรกปี68 ชะลอตัว จีนยังครองแชมป์ แต่เมียนมาพลิกสถานการณ์พุ่งขึ้นมาอันดับ 2 ส่วนรัสเซียเพิ่มมูลค่าแม้จำนวนหน่วยลดลง
ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกและความระมัดระวังจากทั้งผู้ซื้อในประเทศและต่างชาติ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ได้เปิดเผยข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยประเภทห้องชุดในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่า จำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์จากชาวต่างชาติอยู่ที่ 3,919 หน่วย รวมมูลค่า 16,392 ล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการถือครองของชาวต่างชาติในตลาดอสังหาฯ ไทยอยู่ที่ 29.3% ของมูลค่าการโอนทั้งหมด
ในขณะที่ตลาดยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก หลายประเทศยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในการถือครองอสังหาฯ ไทย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์สะท้อนถึงความระมัดระวังจากทั้งผู้ซื้อในประเทศและต่างชาติ โดยเฉพาะจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว
จีนยังคงครองแชมป์แต่โอนลดลง
ในฐานะที่จีนยังคงเป็นประเทศที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ สูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีการโอนทั้งหมด 1,481 หน่วย มูลค่า 6,117 ล้านบาท แต่การโอนกรรมสิทธิ์จากชาวจีนกลับลดลงถึง 19.2% ซึ่งสะท้อนถึงความระมัดระวังในกลุ่มผู้ซื้อชาวจีน เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในประเทศจีนและการชะลอตัวของการลงทุนต่างชาติทั่วโลก
เมียนมาโตน่าจับตามอง
น่าสนใจว่าเมียนมาได้พลิกสถานการณ์ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ถึง 12% ซึ่งแสดงถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มนักลงทุนชาวเมียนมา แม้ว่ามูลค่าการโอนจะลดลงเกือบ 30% ก็ตาม ความเป็นไปได้ในตลาดอสังหาฯ ไทยสำหรับชาวเมียนมาอาจได้รับแรงกระตุ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและความต้องการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ
รัสเซียมูลค่าเพิ่มแต่จำนวนหน่วยลดลง
รัสเซียที่ได้รับการกล่าวถึงในฐานะหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้เพิ่มมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ขึ้นมา 6.9% แม้จำนวนหน่วยที่โอนจะลดลงเล็กน้อย ที่มาของการเพิ่มขึ้นนี้อาจจะมาจากการซื้อที่มีมูลค่าสูงขึ้นของกลุ่มนักลงทุนรัสเซีย โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ที่มีการพัฒนาอสังหาฯหรู
ตลาดอสังหาฯความท้าทายที่ไม่สิ้นสุด
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ซื้อในตลาดอสังหาฯ ต่างชาติยังคงระมัดระวังการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงการชะลอตัวของการลงทุนจากหลายประเทศในเอเชียและยุโรป เช่น จีน สหราชอาณาจักร และเยอรมัน
ในด้านสัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์มูลค่าสูงสุด อันดับ 1 ยังเป็นจีน ตามมาด้วยเมียนมาและรัสเซีย แม้บางประเทศจะมีการลดลงในจำนวนหน่วยที่โอน แต่กลับมียอดมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ เช่น ไต้หวันและสหราชอาณาจักร
10 อันดับการโอนกรรมสิทธิ์ที่มี “หน่วย” มากที่สุด
จีน: 1,481 หน่วย (-7.2%)
เมียนมา: 439 หน่วย (+12%)
รัสเซีย: 288 หน่วย (-2.4%)
ไต้หวัน: 197 หน่วย (+37.8%)
ฝรั่งเศส: 158 หน่วย (+22.5%)
สหรัฐอเมริกา: 147 หน่วย (-10.4%)
สหราชอาณาจักร: 131 หน่วย (+21.3%)
เยอรมัน: 115 หน่วย (-23.8%)
สิงคโปร์: 93 หน่วย (+63.2%)
ออสเตรเลีย: 61 หน่วย (-26.5%)
10 อันดับการโอนกรรมสิทธิ์ที่มี “มูลค่า” สูงสุด
จีน: 6,117 ล้านบาท (-19.2%)
เมียนมา: 1,587 ล้านบาท (-28.1%)
รัสเซีย: 987 ล้านบาท (+6.9%)
ไต้หวัน: 910 ล้านบาท (+33.9%)
สหรัฐอเมริกา: 820 ล้านบาท (-10.7%)
สหราชอาณาจักร: 744 ล้านบาท (+99.7%)
ฝรั่งเศส: 612 ล้านบาท (+11.2%)
สิงคโปร์: 511 ล้านบาท (+52.5%)
เยอรมัน: 407 ล้านบาท (-16.1%)
อินเดีย: 373 ล้านบาท (+2.1%)
การเปลี่ยนแปลงในตลาดอสังหาฯ ไทยที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2568 แสดงให้เห็นว่าอสังหาฯ ไทยยังคงดึงดูดนักลงทุนจากหลากหลายประเทศ แม้เศรษฐกิจโลกจะไม่แน่นอน แต่การเติบโตในบางประเทศก็ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของอสังหาฯ ไทยในระยะยาว
ในขณะที่ตลาดยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก หลายประเทศยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในการถือครองอสังหาฯ ไทย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการโอนกรรมสิทธิ์สะท้อนถึงความระมัดระวังจากทั้งผู้ซื้อในประเทศและต่างชาติ โดยเฉพาะจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว
จีนยังคงครองแชมป์แต่โอนลดลง
ในฐานะที่จีนยังคงเป็นประเทศที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ สูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีการโอนทั้งหมด 1,481 หน่วย มูลค่า 6,117 ล้านบาท แต่การโอนกรรมสิทธิ์จากชาวจีนกลับลดลงถึง 19.2% ซึ่งสะท้อนถึงความระมัดระวังในกลุ่มผู้ซื้อชาวจีน เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในประเทศจีนและการชะลอตัวของการลงทุนต่างชาติทั่วโลก
เมียนมาโตน่าจับตามอง
น่าสนใจว่าเมียนมาได้พลิกสถานการณ์ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ถึง 12% ซึ่งแสดงถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มนักลงทุนชาวเมียนมา แม้ว่ามูลค่าการโอนจะลดลงเกือบ 30% ก็ตาม ความเป็นไปได้ในตลาดอสังหาฯ ไทยสำหรับชาวเมียนมาอาจได้รับแรงกระตุ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและความต้องการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ
รัสเซียมูลค่าเพิ่มแต่จำนวนหน่วยลดลง
รัสเซียที่ได้รับการกล่าวถึงในฐานะหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้เพิ่มมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ขึ้นมา 6.9% แม้จำนวนหน่วยที่โอนจะลดลงเล็กน้อย ที่มาของการเพิ่มขึ้นนี้อาจจะมาจากการซื้อที่มีมูลค่าสูงขึ้นของกลุ่มนักลงทุนรัสเซีย โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ที่มีการพัฒนาอสังหาฯหรู
ตลาดอสังหาฯความท้าทายที่ไม่สิ้นสุด
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ซื้อในตลาดอสังหาฯ ต่างชาติยังคงระมัดระวังการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงการชะลอตัวของการลงทุนจากหลายประเทศในเอเชียและยุโรป เช่น จีน สหราชอาณาจักร และเยอรมัน
ในด้านสัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์มูลค่าสูงสุด อันดับ 1 ยังเป็นจีน ตามมาด้วยเมียนมาและรัสเซีย แม้บางประเทศจะมีการลดลงในจำนวนหน่วยที่โอน แต่กลับมียอดมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ เช่น ไต้หวันและสหราชอาณาจักร
10 อันดับการโอนกรรมสิทธิ์ที่มี “หน่วย” มากที่สุด
จีน: 1,481 หน่วย (-7.2%)
เมียนมา: 439 หน่วย (+12%)
รัสเซีย: 288 หน่วย (-2.4%)
ไต้หวัน: 197 หน่วย (+37.8%)
ฝรั่งเศส: 158 หน่วย (+22.5%)
สหรัฐอเมริกา: 147 หน่วย (-10.4%)
สหราชอาณาจักร: 131 หน่วย (+21.3%)
เยอรมัน: 115 หน่วย (-23.8%)
สิงคโปร์: 93 หน่วย (+63.2%)
ออสเตรเลีย: 61 หน่วย (-26.5%)
10 อันดับการโอนกรรมสิทธิ์ที่มี “มูลค่า” สูงสุด
จีน: 6,117 ล้านบาท (-19.2%)
เมียนมา: 1,587 ล้านบาท (-28.1%)
รัสเซีย: 987 ล้านบาท (+6.9%)
ไต้หวัน: 910 ล้านบาท (+33.9%)
สหรัฐอเมริกา: 820 ล้านบาท (-10.7%)
สหราชอาณาจักร: 744 ล้านบาท (+99.7%)
ฝรั่งเศส: 612 ล้านบาท (+11.2%)
สิงคโปร์: 511 ล้านบาท (+52.5%)
เยอรมัน: 407 ล้านบาท (-16.1%)
อินเดีย: 373 ล้านบาท (+2.1%)
การเปลี่ยนแปลงในตลาดอสังหาฯ ไทยที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2568 แสดงให้เห็นว่าอสังหาฯ ไทยยังคงดึงดูดนักลงทุนจากหลากหลายประเทศ แม้เศรษฐกิจโลกจะไม่แน่นอน แต่การเติบโตในบางประเทศก็ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของอสังหาฯ ไทยในระยะยาว
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ